นวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์เนื้อโคและแพะคุณภาพสูงเพื่อการประกอบการ (หลักสูตร Non-Degree)
การจัด Workshop การออกแบบแบรนด์ผลิตภัณฑ์ เป็นกระบวนการที่ช่วยให้ทีมสามารถสร้างแบรนด์ที่มีความชัดเจน, สอดคล้องกับตลาด และสามารถสร้างความเชื่อมั่นในลูกค้าได้ โดยการใช้เครื่องมือและกระบวนการต่างๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยใช้เครื่องมือ การใช้ Brand Purpose หรือ Vision and Mission Statement ขั้นตอนและกิจกรรมที่สามารถใช้ในการจัด Workshop การออกแบบแบรนด์ผลิตภัณฑ์ ขั้นตอนการจัด Workshop การออกแบบแบรนด์ผลิตภัณฑ์ 1. การเตรียมความเข้าใจในแบรนด์ กิจกรรม: อธิบายถึงวิสัยทัศน์, พันธกิจ, และจุดประสงค์ของแบรนด์ วัตถุประสงค์: ช่วยให้ทุกคนในทีมมีความเข้าใจในภาพรวมของแบรนด์ที่ต้องการสร้าง รวมถึงการกำหนดเป้าหมายและกลุ่มเป้าหมาย 2. การวิเคราะห์ตลาดและกลุ่มเป้าหมาย กิจกรรม: ศึกษาและระบุกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย, ความต้องการของลูกค้า และแนวโน้มตลาด วัตถุประสงค์: ช่วยให้ทีมเข้าใจลูกค้าเป้าหมายอย่างลึกซึ้งและสามารถออกแบบแบรนด์ให้ตรงกับความต้องการของพวกเขา 3. การกำหนดค่านิยมและบุคลิกภาพของแบรนด์ กำหนดค่านิยมและบุคลิกภาพที่แบรนด์จะสะท้อนออกมา เช่น ความเป็นมิตร, ความน่าเชื่อถือ, ความหรูหรา, หรือความทันสมัย วัตถุประสงค์: ช่วยให้แบรนด์มีบุคลิกที่ชัดเจนและสามารถสร้างการเชื่อมโยงกับลูกค้า 4. การออกแบบตัวตนของแบรนด์ (Brand Identity) กิจกรรม: วางแผนการออกแบบโลโก้, สี, ฟอนต์, รูปแบบการสื่อสาร และการแสดงออกของแบรนด์ วัตถุประสงค์: ช่วยให้แบรนด์มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ซึ่งสามารถสร้างการจดจำและสะท้อนภาพลักษณ์ที่ต้องการ 5. การสร้างกลยุทธ์การตลาดและการสื่อสาร กิจกรรม: วางแผนกลยุทธ์การสื่อสารและการตลาดที่สะท้อนถึงแบรนด์ เช่น การใช้โซเชียลมีเดีย, โฆษณาหรือการตลาดเนื้อหา วัตถุประสงค์: ช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารและสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ 6. การสร้างประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) กิจกรรม: วางแผนและออกแบบประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับจากการใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ วัตถุประสงค์: ช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีและมีความพึงพอใจในการใช้แบรนด์ 7. การประเมินและทดสอบแบรนด์ กิจกรรม: ทดสอบแนวคิดแบรนด์, การออกแบบ, และข้อความต่างๆ กับกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มตัวอย่าง วัตถุประสงค์: ช่วยให้สามารถทดสอบและปรับแก้ไขได้ก่อนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์อย่างเต็มที่
BMC (Business Model Canvas) หรือ แผนผังโมเดลธุรกิจ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการออกแบบและวิเคราะห์โมเดลธุรกิจ โดยช่วยให้สามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจในรูปแบบที่กระชับและเข้าใจง่าย โมเดลธุรกิจนี้ถูกพัฒนาโดย Alexander Osterwalder และมีการใช้งานอย่างกว้างขวางในหลายองค์กรเพื่อช่วยในการวางแผนธุรกิจหรือปรับปรุงกลยุทธ์ทางธุรกิจ การใช้ Brand Management Canvas (BMC) ช่วยให้สามารถระบุและวางแผนทุกองค์ประกอบของแบรนด์ได้อย่างครบถ้วน โดยเริ่มจากการระบุจุดประสงค์และวิสัยทัศน์ของแบรนด์ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า การออกแบบแบรนด์ไม่เพียงแต่เน้นที่ภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับจากการใช้งานแบรนด์ อีกทั้งในการตั้งชื่อแบรนด์จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของแบรนด์ในแง่มุมต่างๆ และทำให้การตั้งชื่อแบรนด์เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับกลยุทธ์และเป้าหมายของแบรนด์ ซึ่งชื่อแบรนด์ไม่เพียงแต่ควรสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังต้องสามารถสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดลูกค้าให้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์อย่างยั่งยืน. ส่วนประกอบของ Brand Management Canvas (BMC) การออกแบบแบรนด์สามารถเริ่มต้นได้จากการสร้าง BMC ซึ่งประกอบด้วย 9 องค์ประกอบหลักที่ช่วยในการวิเคราะห์และวางแผนแบรนด์: 1. Brand Purpose (จุดประสงค์ของแบรนด์) อธิบายเหตุผลที่แบรนด์นี้มีอยู่หรือมีความหมายต่อผู้บริโภค จุดประสงค์คือแรงจูงใจที่แบรนด์มีความตั้งใจทำธุรกิจ ตัวอย่างเช่น "เพื่อทำให้ชีวิตของผู้คนสะดวกสบายยิ่งขึ้น" 2. Brand Vision (วิสัยทัศน์ของแบรนด์) วิสัยทัศน์คือภาพในอนาคตที่แบรนด์ต้องการเห็น เช่น การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม หรือการเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้า 3. Brand Mission (พันธกิจของแบรนด์) พันธกิจของแบรนด์คือลักษณะการทำงานหรือการดำเนินการในปัจจุบันเพื่อไปสู่วิสัยทัศน์ในอนาคต เช่น การให้บริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า หรือการทำงานกับพันธมิตรในการขยายแบรนด์ 4. Brand Values (ค่านิยมของแบรนด์) ค่านิยมคือหลักการที่แบรนด์ยึดถือในการทำงาน เช่น ความโปร่งใส, ความน่าเชื่อถือ, ความสร้างสรรค์ หรือความรับผิดชอบต่อสังคม 5. Target Audience (กลุ่มเป้าหมาย) กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์คือกลุ่มลูกค้าที่แบรนด์ต้องการเข้าถึงและสร้างความสัมพันธ์ เช่น กลุ่มลูกค้าผู้หญิงที่มีอายุ 25-40 ปี หรือกลุ่มลูกค้าที่ยึดติดกับสุขภาพ 6. Brand Personality (บุคลิกภาพของแบรนด์) บุคลิกภาพของแบรนด์จะทำให้แบรนด์ของคุณมีความรู้สึกที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น แบรนด์ที่ดูสนุกสนาน, เป็นมิตร, จริงจัง, หรือหรูหรา 7. Brand Positioning (ตำแหน่งของแบรนด์) การกำหนดตำแหน่งของแบรนด์ในตลาดหมายถึงการตัดสินใจว่าแบรนด์จะอยู่ในตลาดไหน และแบรนด์จะมีลักษณะเฉพาะอย่างไรที่แตกต่างจากคู่แข่ง 8. Brand Experience (ประสบการณ์ของแบรนด์) การออกแบบประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับจากแบรนด์ในทุกจุดสัมผัส เช่น เว็บไซต์, การบริการลูกค้า, หรือประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์ 9. Brand Identity (อัตลักษณ์ของแบรนด์) อัตลักษณ์แบรนด์คือสัญลักษณ์, สี, รูปแบบ, ฟอนต์ และสิ่งที่สร้างความจดจำในตัวแบรนด์ เช่น โลโก้, สีที่ใช้ในงานออกแบบ หรือสไตล์การสื่อสาร ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการจัด Workshop การออกแบบแบรนด์ผลิตภัณฑ์ 1. ผู้เรียนเข้าใจทิศทางและกลยุทธ์ของแบรนด์ อย่างชัดเจน 2. ผู้เรียนสามารถสร้างบุคลิกภาพและภาพลักษณ์ของแบรนด์ ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย 3. ผู้เรียนสามารถออกแบบประสบการณ์ลูกค้าที่ดี และให้ความสำคัญกับทุกจุดสัมผัสของแบรนด์ 4. ผู้เรียนพัฒนากลยุทธ์การสื่อสารที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ 5. เพิ่มการรับรู้และการจดจำของแบรนด์ ในตลาด 6. ทดสอบแบรนด์ในตลาดจริง เพื่อให้มั่นใจว่าแบรนด์สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้